07 กรกฎาคม 2565

บทเรียนชีวิตที่ต้องเรียนรู้เมื่อคุณอายุ 30

👉คำว่า อดีต – ปัจจุบัน – อนาคต …มันกำลังเกิดขึ้นในทุกๆ วินาที…ภายใต้การขับเคลื่อนของคำว่า “เวลา”👈

มีหลายอย่างที่ใครต่อใครก็มักจะบอกคุณถึงสิ่งที่คุณควรทำ หรือทักษะที่คุณควรเรียนรู้เมื่อคุณอายุ 30 ปี แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงในวันนี้เกี่ยวกับบทเรียนชีวิตที่คุณควรได้เรียนรู้? อาจเริ่มต้นด้วยคำแนะนำเหล่านี้ คุณอาจจะได้มุมมองชีวิตที่ต่างออกไป

👉แค่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม ชัยชนะไม่ใช่ทุกอย่าง แต่คุณชนะเสมอหากคุณพอใจกับผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ คุณกำหนดมาตรฐานของคุณเอง

👉พัฒนาสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์
ค้นหาสไตล์ที่เหมาะกับคุณ ไม่จำเป็นต้องตามเทรนด์ตลอดเวลา แฟชั่นเปลี่ยนได้…แต่สไตล์จะไม่เปลี่ยน การเป็นที่รู้จัก และการแต่งตัวที่ดีนั้นมาจากความทุ่มเทในรูปลักษณ์มากกว่าการรีบเร่งเพื่อให้เข้ากับแฟชั่นล่าสุด

👉อย่าวิตกจริตจนเกินเหตุ
โดยเฉพาะเรื่องของคนอื่นๆ เราทุกคนบนโลกล้วนมีปัญหาของตัวเอง พวกเขากำลังพยายามจัดการกับเรื่องไร้สาระแบบเดียวกับคุณ และพวกเขาก็จะสามารถผ่านมันไปได้เมื่อเวลาผ่านไป

👉หยุดไล่ตามเงิน และสถานะ
เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนตรอกซอกซอยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสังคมยุคใหม่ คุณจะไม่มีวันพอถึงแม้จะไม่มีความสงบสุขก็ตาม

👉เวลาเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด
หากคุณสามารถเห็นอายุขัยของคุณลดลงทีละวินาที คุณจะไม่เสียมันไปกับสิ่งที่สิ้นเปลือง ดังนั้นในขณะที่คุณยังพอมีเวลา ก็ควรใช้จ่ายมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อทำสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณ

👉ยอมแพ้สิ่งที่เป็นอดีต
คำว่า “มันจบแล้ว” น่าจะนิยามข้อนี้ได้ดีที่สุด มันถูกเขียนในประวัติศาสตร์ และคุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับมันได้ ดังนั้นอย่าไปสนใจมันกับสิ่งที่คุณย้อนกลับไปแก้ไขมันไม่ได้ ใส่ใจกับทุกช่วงเวลาที่อยู่กับปัจจุบันจะดีกว่า

👉อย่ามัวหมกมุ่นอยู่กับวันพรุ่งนี้
เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างนี้ ชีวิตอาจดูเหมือนโลกีย์ในหลายๆ ด้าน แต่บ่อยครั้งมันก็บิดเบี้ยวเกินกว่าจะคาดเดา

👉คุณไม่อาจการควบคุมได้
หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตล้วนเกิดขึ้นในวิถีของมัน ดังนั้นลืมสิ่งเหล่านี้ ประหยัดความพยายามสำหรับสิ่งที่คุณควบคุมได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงการควบคุมบางอย่างก็ตาม

👉พูดว่า ‘ไม่’ ให้บ่อยขึ้น
แน่นอนว่าการพูดว่า ‘ใช่’ กับทุกสิ่งอาจหมายความว่าคุณได้ลองทำสิ่งที่คุณอาจไม่เคยทำมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันคุณเองก็มีโอกาสสำหรับการปฏิเสธเช่นกัน บางครั้งมันอาจจะมีใครโกรธเคืองหากคุณเลือกที่จะไม่เข้าร่วม แต่อย่างน้อยคำตอบของคุณมันก็คือทางเลือกของคุณ

👉พร้อมที่จะไปตามทางของคุณเอง
ลองออกไปทำในสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากกิจวัตรประจำวันของคุณดูบ้าง อาจได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ ก็ได้ระหว่างทางน่ะ

👉คีปความเป็นเด็กต่อไป..ไม่ใช่เรื่องผิด
ไม่มีเวลาที่จะทิ้งเรื่องเด็กๆ อย่างที่เช็คสเปียร์คิดไว้ หากเรือจำลอง สเก็ตบอร์ด การ์ตูน หรือการรวบรวมหินเป็นสิ่งที่คุณชอบ และยังคงเป็นไปและทำให้เกิดความสุข ตราบใดที่มันไม่สร้างความเดือดให้กับคุณ และคนรอบข้าง ก็เล่นมันต่อไปสิ

👉รับปรัชญาชีวิต
ไม่ช้าก็เร็ว อาชีพเป็นตัวชี้วัดชีวิตเพียงเล็กน้อย ขุดลึกลงไป คุณอยากอยู่ด้วยมาตรฐานอะไร? ในตอนท้าย คุณอยากจะมองย้อนกลับไปว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้อย่างไร?

👉ฝึกฝนทักษะของคุณ
เรียนทำอาหาร ที่ไม่ใช่เพื่อสร้างความประทับใจ แต่เพื่อรักษาตัวเอง เข้าใจคุณค่าของเงิน…ซ่อมแซมสิ่งที่เสียถ้าทำได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ “ความพอเพียง”

👉ทำความรู้จักจิตใจของคุณเอง
แท้จริงแล้วชีวิตก็เหมือนกับการเล่นกลกับคุณตลอดเวลา การทำความเข้าใจว่าทำไมคุณถึงคิดและประพฤติตนในแบบที่คุณทำเป็นขั้นตอนแรกในการหลีกเลี่ยงกับดัก

👉มองมุมกว้างเป็นดั่งจักรวาลมนุษย์
เรารู้แหละว่า…คุณสำคัญสำหรับคุณ… แต่ความจริงก็คือคุณเองก็เป็นเพียงจุดเล็กๆ บนดาวเคราะห์ที่เป็นจุดหนึ่งในดาราจักรที่เป็นหนึ่งในจุดจำนวนนับไม่ถ้วนในความไร้ขอบเขตของเวลา และพื้นที่ ปล่อยให้ความจริงนั้นคลายความกดดันที่คุณเผชิญ

ที่มา: https://www.facebook.com/2051860491696799/posts/3092305360985635/

05 มกราคม 2565

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใช้งาน Wireless

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการใช้งาน Wireless
• เนื่องจากสัญญาณ Wireless มีลักษณะเป็นคลื่นความถี่ ซึ่งอาจถูกลดทอนความเข้มของสัญญาณ ได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน เช่น สิ่งกีดขวาง ระยะทาง ดังนั้นแนะนำให้ท่านวางอุปกรณ์ไว้ในจุดที่สามารถกระจายสัญญาณได้ดี ไม่อับสัญญาณ จัดวาง Router ให้หันไปยังทิศทางที่ต้องการใช้งาน จะทำให้สามารถส่งสัญญาณได้ดีขึ้น
• หากวิธีข้างต้นยังไม่ดีขึ้น ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของบ้านที่สัญญาณรบกวนมาก หรือ ขนาดของบ้านไม่เหมาะสมต่ออุปกรณ์เพียงตัวเดียว แนะนำให้ท่าน ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เพื่อขยายสัญญาณให้กว้างยิ่งขึ้น เช่น Repeater, AP เป็นต้น

Public IP กับ Private IP ต่างกันอย่างไร?
Public IP คือ IP ที่สามารถใช้สื่อสารผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้ แต่เนื่องจาก IP address มีจำนวนจำกัด จึงไม่สามารถกำหนด Public IP สำหรับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องได้ ดังนั้นจึงมีการกำหนด Private IP เพื่อนำมาใช้ติดต่อภายในหรือ Local network ซึ่งหาก Private IP ต้องการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต ก็จะต้องสื่อสารผ่าน Public IP อีกทีหนึ่ง

IPv4 และ IPv6 คืออะไร?
IPv4 คือชุดตัวเลข 32 บิต ที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 ช่วงๆละ 8 บิต ใน 1 ช่วงจะมีค่าตั้งแต่ 0-225 ดังนั้น IPv4 จะมีค่าตั้งแต่ 0.0.0.0 – 255.255.255.255 (แต่ตัวเลขบางชุดจะถูกยกเว้นไว้เพื่อใช้งานเฉพาะ) ถึงแม้จะเป็นช่วงชุดตัวเลขที่มีขนาดกว้างมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะแจกจ่ายให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลก ดังนั้นจึงมีการกำหนดหมายเลข IP ขึ้นมาใหม่ เรียกว่า IPv6 โดยเป็นชุดตัวเลขที่มีขนาดเพิ่มมากขึ้นถึง 128 บิต ซึ่งเพียงพอให้คอมพิวเตอร์ทั่วโลกใช้งานไปได้อีกนานเลยทีเดียว

Port forwarding คืออะไร?
คือการกำหนดเส้นทางของข้อมูลที่ถูกส่งมายัง router ให้ forward ข้อมูลต่อไปยังตำแหน่งที่อยู่หลัง router ในเครือข่าย โดยมี Port เป็นตัวกำหนด ซึ่งการกระทำนี้จำเป็นต้องอาศัยหลักการทำงาน DDNS ด้วย

DDNS คืออะไร?
เนื่องจาก IP ที่ได้จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่เป็น IP ที่ไม่คงที่ จะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาหรือทุกครั้งที่เปิด/ปิด Router ดังนั้นผู้ใช้จึงไม่มี IP ที่แน่นอนเพื่อใช้ในการอ้างถึง router DDNS หรือ Dynamic Domain Name system สามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาข้างต้นได้ โดย DDNS จะทำจับคู่ระหว่าง IP address ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้นให้เข้ากับ Domain name ที่กำหนดไว้

Access point หรือ AP คืออะไร?
คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมต่อและกระจายสัญญาณไร้สายได้ กล่าวคือ AP สามารถสร้างเครือข่ายไร้สาย จากระบบเครือข่าย LAN ได้ โดยตัวอุปกรณ์จะมีช่องเสียบสาย LAN อยู่ด้านหลังเพียงช่องเดียว และจะกระจายสัญญาณแบบไร้สายไปยังเครื่องลูกข่ายที่อยู่บริเวณรัศมีโดยรอบ

Wireless 2.4 GHz ต่างจาก Wireless 5 GHz อย่างไร ใช้อย่างไหนดีกว่า?
• Wireless 2.4 GHz คือคลื่นสัญญาณหนึ่งที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อินเตอร์เน็ต มีความถี่ที่สูงจึงทำให้สามารถใช้งานในระยะไกลๆได้ แต่มีข้อเสียคือ มีช่องสัญญาณที่ใช้งานได้จำนวนน้อย และในความถี่ระดับ 2.4 GHz นี้ มีสัญญาณอื่นๆในระดับเดียวกันมาก ทำให้เกิดการรบกวนกันของสัญญาณได้ง่าย (เช่น สัญญาณไมโครเวฟ) ดังนั้น หากสภาพแวดล้อมในการใช้งาน เสี่ยงต่อกาถูกรบกวนกันของสัญญาณ ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ใช้งานอินเตอร์เน็ตได้อย่างไม่เสถียร หลุดการเชื่อมต่อบ่อยครั้ง
• แนะนำให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนมาใช้ Wireless 5 GHz มากกว่า แต่ใน สัญญาณ 5 GHz ก็มีข้อเสียอยู่คือ ใช้งานได้ในระยะที่ไกลน้อยกว่า สัญญาณ 2.4 GHz เนื่องจาก ความถี่น้อยลง ความกว้างของช่องสัญญาณเพิ่มมากขึ้น เป็นผลทำให้ความยาวของคลื่นลดลงนั่นเอง
• หากผู้ใช้งานตรวจสอบแล้วว่าสภาพแวดล้อมมีสัญญาณรบกวนน้อย สามารถใช้งานได้ทั้ง Wireless 2.4 GHz และ 5 GHz แต่หากพบว่าสภาพแวดล้อมมีสัญญาณรบกวนมาก ขอแนะนำให้ผู้ใช้งาน เลือกใช้ Wireless 5 GHz จะให้ประสิทธิภาพที่ดีมากกว่า

Standard Wireless 802.11 IEEE คืออะไร?
คือมาตรฐานของความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลแบบไร้สาย หรือ Wireless ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 5 Class ได้แก่
1. Class a จะใช้คลื่นความถี่ 5 GHz ในการรับ-ส่งข้อมูล ทำความเร็วได้สูงสุด 54 Mbps
2. Class b จะใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz ในการรับ-ส่งข้อมูล ทำความเร็วได้สูงสุด 11 Mbps
3. Class g จะใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz ในการรับ-ส่งข้อมูล ทำความเร็วได้สูงสุด 54 Mbps
4. Class n จะใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ในการรับ-ส่งข้อมูล ทำความเร็วได้สูงสุด 300 Mbps
5. Class ac จะใช้คลื่นความถี่ 5 GHz ในการรับ-ส่งข้อมูล ทำความเร็วได้สูงสุด 1300 Mbps

Bridge Mode คืออะไร สามารถใช้งานได้อย่างไร?
• Bridge Mode คือ โหมดการใช้งานบน router ขนานหนึ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนการแปลงสัญญาณจาก Analog เป็น Digital แล้วปล่อยผ่านสัญญาณไปยัง router อีกตัวที่ทำหน้าที่ในการจัดการ IP
• ข้อดีคือ ทำให้การใช้งาน Router มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวหนึ่งทำหน้าที่แปลงสัญญาณ อีกตัวหนึ่งทำหน้าที่จัดการ IP และระบบ Wireless เป็นการลดภาระให้อุปกรณ์ เนื่องจากโดยปกติแล้ว อุปกรณ์แต่ละตัวจะมี CPU และ RAM ที่จำกัด เมื่อเรานำอุปกรณ์ดังกล่าว มาทำงานในหลายๆฟังก์ชัน ในบางครั้งอาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่ดีเท่าที่ควร

วิธีแก้ไขปัญหาสัญญาณ Wireless สัญญาณอ่อน/หลุดบ่อย/ไม่เสถียร
• แนะนำให้ผู้ใช้งานทำการตรวจสอบค่าสัญญาณด้วยโปรแกรม หรือ แอพพลิเคชันดังด้านล่างนี้ หากใช้งาน เครื่องคอมพิวเตอร์ แนะนำให้ติดตั้งโปรแกรม inssider หรือหากใช้งาน อุปกรณ์มือถือแนะนำแอพพลิเคชัน WiFi Analyzer
• โดยการใช้งานบนโปรแกรม inssider และ แอพพลิเคชัน WiFi Analyzer จะใช้งานในทำนองเดียวกัน คือ สามารถบอกสัญญาณโดยรอบๆว่ามีสัญญาณใดเกาะอยู่ที่ Wi-Fi Channel ใดบ้าง เมื่อผู้ใช้งานตรวจสอบบนกราฟที่แสดงผล หากพบว่า Channel ใด มีการใช้งานน้อย ให้ทำการตั้งค่า สัญญาณ Wi-Fi บน Router ไปที่ Channel นั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการรบกวนกัน ของสัญญาณ ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้งานสัญญาณ Wireless ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การตั้งค่า/การแก้ไข
ปัญหาเบื้องต้นการใช้งานอินเทอร์เน็ต
1. เปิดเบราเซอร์ พิมพ์ www.ipv6test.google.com แล้วกด Enter
2. Website จะแสดงข้อความที่บ่งบอกว่าตอนนี้ลูกค้ากำลังใช้งาน IPv6 อยู่ใช่หรือไม่
3. เปิดเบราเซอร์ พิมพ์ www.whatismyip.com แล้วกด Enter
4. Website จะแสดงข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้งาน IPv6 ของลูกค้า เช่น IP ที่ลูกค้าได้รับ, ISP ผู้ให้บริการ เป็นต้น

วิธีการ Enable และ Disable IPv6
ระบบปฏิบัติการ Window
1. คลิก Search ค้นหา Open Network and Sharing Center
2. เปิด Open Network and Sharing Center ขึ้นมา
3. เลือก Wireless Network Connection ที่กำลังใช้งานอยู่
4. เลือก Properties จะมีหน้าต่างแสดงขึ้นมา
5. ทำเครื่องหมายหรือนำเครื่องหมายออก หน้า
Internet Protocol Version6 (TCP/IP) เพื่อทำการ Disable หรือ Enable
6. เลือก OK -> Close

ระบบปฏิบัติการ Mac
1. คลิกที่ สัญลักษณ์ Network ที่อยู่ทางมุมขวาบนของจอ
2. เลือก System Preferences
3. เลือก Network Adapter ที่ต้องการทราบ IP
4. จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมา เลือกแท็ป Wi-Fi
5. กดปุ่ม Advanced
6. เลือกแท็ป TCP/IP
7. เลือก Configure IPv6
8. เลือก Enable หรือ Disable

เพื่อนมันเล่าให้ฟัง

จริงๆ มันจบไปตั้งนานแล้วไม่รู้จะยื้อจะฝืนให้มันได้อะไร จากที่ยังพอคุยกันได้ในฐานะเพื่อน พี่น้อง หรือคนรู้จัก กลายเป็นว่ายิ่งยื้อยิ่งฝืนยิ่งท...